Angiostrongylus cantonensis (พยาธิหอยโข่ง)
รูปที่ 1 พยาธิหอยโข่ง
โรคพยาธิหอยโข่ง
หรือ โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (eosinophilic
meningoencephalitis) เกิดจากพยาธิตัวกลม Angiostrongylus cantonensis ผู้ป่วยจะมีการอักเสบของสมองและเยื่อหุ้มสมอง
ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงบริเวณหน้าผากและขมับทั้งสองข้าง
มีอาการคอและหลังแข็ง ร่วมกับอาการมีไข้ที่เป็นๆ หายๆ คลื่นไส้ อาเจียน
มีอาการอัมพาตของแขนขา
ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพที่เกิดและจำนวนพยาธิที่ผู้ป่วยได้รับเข้าไป
ในรายที่ผู้ป่วยมีอาการไม่มากผู้ป่วยจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายในที่สุด
ในระยะที่รุนแรงผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ นอกจากระบบประสาทแล้ว
อาจเกิดที่อวัยวะอื่นได้อีก เช่น
มีรายงานพบว่าพยาธิเดินทางเข้าตาทำให้ผู้ป่วยมีอาการตาพร่า มองเห็นไม่ชัดเจน
มีรายงานพบพยาธินี้มากในแถบเอเชียโดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้มีรายงานการพบที่หมู่เกาะแปซิฟิก มาดากัสการ์ อียิปต์ ออสเตรเลีย
สหรัฐอเมริกา เปอร์โตริโก คิวบา สำหรับประเทศไทยได้มีการพบผู้ป่วยมากทางภาคอีสาน
ภาคกลาง โดยพบว่าผู้ป่วยมีประวัติกินหอยโข่ง หอยทาก
รูปที่ 2 หอยโข่ง
ลักษณะพยาธิหอยโข่ง
พยาธิตัวเมียมีขนาดใหญ่ลำตัวมีลักษณะลายแดงสลับขาวคล้ายเครื่องหมายร้านตัดผม
เกิดจากมดลูก
ซึ่งภายในมีไข่บรรจุอยู่มองดูเป็นสีขาวขุ่นพันเป็นเกลียวรอบลำไส้ที่มีเลือดอยู่
พยาธิตัวผู้มีขนาดเล็กพยาธิตัวแก่อาศัยอยู่ในเส้นเลือดแดงใหญ่ในปอดหนูพยาธิตัวเต็มวัยมีรูปร่างเรียว
ยาวประมาณ 2-3 ซม.ตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่าและที่หางจะมีแผ่นบางๆเล็กๆ
แผ่ออกมา ตัวผู้มีขนาด 15-19 * 0.26 มม. รูปร่างยาวเรียว
ปลายหางมี bursa ขนาดเล็ก
![]() |
รูปที่ 3 ลักษณะพยาธิตัวเมียและพยาธิตัวผู้ |
แหล่งระบาด
พยาธิหอยโข่ง พบกระจายอยู่ในประเทศจีน
มาเลเซีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินเดีย อินโดนีเซีย ไทย คิวบา โดยพบในประเทศไทย
และไต้หวันมากกว่าหมู่เกาะแปซิฟิกตอนใต้
ดังเช่นจากรายงานการติดเชื้อพยาธิหอยโข่งที่แน่นอน 35 ราย พบว่าเกิดในประเทศไทย 19 ราย ไต้หวัน 13 ราย ส่วนอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม พบประเทศละ 1 ราย การที่พบแพร่หลายในเขตอบอุ่น และเขตร้อนชื้นที่มีฝนตกปานกลางถึงชุก
เนื่องจากอุดมไปด้วยพืชผักที่เป็นอาหารของหอยที่เป็นโฮสต์กึ่งกลางของพยาธิหอยโข่ง
ซึ่งพบได้บริเวณระหว่างเส้นละติจูดที่ 23 องศาเหนือ
และเส้นละติจูดที่ 23 องศาใต้
สำหรับประเทศไทย มีรายงานโรคพยาธิหอยโข่งไว้เป็นครั้งแรกในปี 1957 ซึ่งเป็นผู้ป่วยจากโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าจำนวน 4
ราย ต่อมาในปี 1962 มีรายงานพบพยาธิหอยโข่งในตาของผู้ป่วย
ซึ่งนับเป็นรายแรกของโลก ในช่วงปี 1963-1979 มีรายงานต่อเนื่องพบว่า
พยาธิหอยโข่งทำให้เกิดภาวะสมอง และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ร่วมกับมีเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิลในน้ำไขสันหลังเพิ่มสูงขึ้น
โดยผู้ป่วยเกือบทั้งหมดมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
แหล่งระบาดของโรคพยาธิหอยโข่งพบได้ทุกภาคในประเทศไทย
โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในกลุ่มประชาชนที่ชอบรับประทานหอยน้จืดดิบๆ สุกๆ
วงจรชีวิต
![]() |
รูปที่ 4 วงจรชีวิตของพยาธิหอยโข่ง |
เมื่อพยาธิผสมพันธุ์กันตัวเมียออกไข่
ไข่จะถูกพาไปตามกระแสโลหิตเข้าไปติดอยู่ตามเส้นเลือดฝอยของปอดหนู
ไข่จะเจริญเติบโตและฟักออกเป็นตัวอ่อนระยะที่ 1 อยู่ภายในปอด
หลังจากนั้นตัวอ่อน ไชทะลุผ่านถุงลมปอด ผ่านหลอดลมไปยังคอหอย
และถูกกลืนผ่านหลอดอาหารไปยังกระเพาะอาหาร และลำไส้ปนออกมาพร้อมกับอุจจาระของหนู
ตัวอ่อนระยะที่1 จะถูกกินหรือไชเข้าสู่หอยที่หากินบนบกเช่น หอยโข่ง หอยทากยักษ์แอฟริกัน
พยาธิตัวอ่อนจะเจริญเป็นตัวอ่อนระยะที่ 2 และ ตัวอ่อนระยะติดต่อที่ 3 นอกจากพวกหอยแล้วยังมีกุ้ง กบ ตะกวด ฯลฯ
ซึ่งเป็นโฮสต์สะสมเชื้อที่มีพยาธิตัวอ่อนระยะติดต่อที่ 3 อยู่
เมื่อหนูกินเข้าไปพยาธิจะไชผนังสำไส้หนูเข้าสู่กระแสโลหิตผ่านตับหัวใจ ปอด สมอง
และ ไขสันหลัง เจริญและลอกคราบเป็นตัวอ่อนระยะที่ 4 และ 5
ที่สมองหลังจากนั้นเดินทางเข้าสู่ที่เส้นเลือดแดงใหญ่ในปอดเติบโตเป็นตัวเต็มวัย
สำหรับคนเมื่อกินตัวอ่อนระยะติดต่อที่ 3 โดยไม่ปรุงให้สุกเสียก่อนเช่น เอาหอยโข่ง กุ้ง หรือ กบ
มาทำยำหรือพล่าตัวอ่อนระยะติดต่อที่ 3 จะเดินทางไปที่สมองเช่นเดียวกับหนู
แต่พยาธิไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ตามปกติ
เนื่องจากคนไม่ได้เป็นโฮสต์เฉพาะของพยาธิชนิดนี้
พยาธิมักจะหยุดการเจริญเติบโตที่ตัวอ่อนระยะที่ 4 หรือ 5 ที่สมองทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ในคน
การติดต่อ
1. ติดต่อโดยการรับประทานอาหารดิบๆ
สุกๆ ที่ทำมาจากสัตว์พาหะที่มีพยาธิระยะติดต่อ เช่น หอยน้ำจืด หอยบก หอยทาก กุ้ง
และปูน้ำจืด หรือตะกวด ในหอยน้ำจืดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยเฉพาะหอยโข่งจะมีพยาธิหอยโข่ง ชาวอีสานนิยมนำหอยน้ำจืดมาสับ แล้วยำใส่พริก
บีบมะนาว ก็จะรับพยาธิหอยโข่งเข้าไป พยาธิตัวนี้หากชอนไชไปที่สมอง
จะทำให้สมองอักเสบ และมีอัตราการตายสูงมาก
การติดต่อที่สำคัญจึงเกิดจากการกินอาหารที่ไม่ปรุงให้สุก เช่น การกิน ยำ ลาบ ก้อย
พล่าที่ทำจากหอย ปู กุ้ง เป็นต้น
2. พยาธิอาจปนเปื้อนมากับน้ำดื่ม ผัก และผลไม้สด
ผักที่ขึ้นอยู่ตามแหล่งพื้นดิน หรือแหล่งน้ำธรรมชาติ
หากอยู่ในเส้นทางที่หอยโข่งเดินผ่าน พยาธิจากหอยอาจไต่ขึ้นมาที่ยอดผัก เช่น
ยอดผักบุ้ง ถ้าเก็บผักมากินสดๆ โดยไม่ล้างให้สะอาด ก็จะได้รับพยาธิเข้าไปเหมือนกัน
3. โฮสต์เฉพาะในทางธรรมชาติ คือสัตว์ฟันแทะ เช่น
หนูบ้าน และหนูป่า โดยพยาธิตัวแก่อาศัยอยู่ในปอดหนู และแพร่ตัวอ่อนออกมาในมูลหนู
ตัวอ่อนของพยาธิจะไชเข้าไปอยู่ในหอย หรือหอยกินมูลหนูที่มีตัวอ่อน
เมื่อคนกินหอยดิบๆ ตัวพยาธิจะไปเจริญเติบโตในสมองก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ
มีคนเสียชีวิตจากพยาธิหอยโข่งขึ้นสมองปีละประมาณ 56 ราย
พบคนในภาคอีสานมีพยาธิหอยโข่งในร่างกายกว่า 1,000 คน
4.โฮสต์กึ่งกลางในธรรมชาติ คือ หอยบก ได้แก่
หอยทากยักษ์อัฟริกัน หอยน้ำจืด ได้แก่ หอยโข่ง หอยปัง หอยเชอรี่ หอยขม ทาก
โฮสต์พาราทีนิกที่สำคัญได้แก่ ตะกวด กุ้งน้ำจืด ปูขน กบ คางคก และลูกอ๊อด
เอกสารอ้างอิง
armacy.exteen.com/2011032